วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

อคติ ๔


อคติ ๔  นี่  ถ้าไม่ใช่อรหันต์ละไม่ขาด

พระอรหันต์เท่านั้นละได้ขาดสนิท

คนธรรมดาละได้ชั่วครู่ชั่วคราว

ฉะนั้นถ้าใครบอกว่า  ตัวเองเป็นคนไม่มีอคติเลยยยยยย

อย่าไปเชื่อเขาง่าย ๆ  

คนที่พูดอย่างนั้นแหละ  มีแววที่จะอคติ

มากกว่าคนที่ไม่พูดสักสิบเท่าได้


ธรรมะเรื่อง  อคติ  นี้

ถ้าพิจารณาดี ๆ  ก็บรรลุถึงอรหัตผลได้เหมือนกัน

เพราะเรื่องอคติ ๔  นี่คือ  ท่านสอนให้เดินทางสายกลาง

คือไม่ให้เอียงไปทางรัก  ไม่ให้เอียงไปทางชัง

ให้อยู่กลาง ๆ  ฟังแค่สองข้อแรกก็บรรลุธรรมได้ถ้าบารมีแก่กล้า

(ธรรมะของพระพุทธเจ้าทั้งหมดสอนให้เป็นกลางทั้งสิ้น)

สมัยพุทธกาลจึงมีคนบรรลุเป็นลำดับ ๆ  ไป

เวลาพระพุทธเจ้าแสดงธรรมหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งขึ้นมา

ตั้งแต่อรหัตผลลงมาถึงโสดาปฏิมรรค

หรืออย่างดีก็ถึงไตรสรณคม  มีพระพุทธเจ้าพระธรรมพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง


เรียกง่าย ๆ  ว่า  ธรรมข้อเดียว  ถ้าพิจารณาได้

บารมีถึงพร้อม  ก็ถึงความเป็นอรหันต์ได้  

ไม่ต้องศึกษาอันอื่นให้วุ่นวาย

เพราะสุดท้ายธรรมทั้งหลายทั้งปวงย่อมไหลมารวมกันหมด


ข้อที่ว่าลำเอียงเพราะกลัว  และลำเอียงเพราะหลงนั้น  

มันเคลือบแฝงอยู่กับอคติสองข้อข้างต้นด้วยเสมอ

แต่ถ้ามันมากมายล้นออกมา  มันก็ฉายเดี่ยวโชว์เดี่ยวได้เหมือนกัน


สุดท้ายเพื่อสรุปความ

อคติ ๔  ประกอบด้วย

ฉันทาคติ  เอียงเพราะรัก  เอียงไปทางรัก

โทสาคติ  เอียงเพราะชัง  เอียงไปทางชัง

ภยาคติ  เอียงเพราะกลัว  เอียงไปทางกลัว  มีความกลัวเคลือบแฝง

โมหคติ  เอียงเพราะหลง  เอียงไปทางหลง  มีความเมาแอบแฝง


เมื่อมีอคติบังตา  บังหัวใจ  บังคุณงามความดี

ย่อมนำพาไปสู่ความชั่วได้ง่าย


เอวัง
พุทธังกุโร
๒๔ กุมภาพันธ์  ๒๕๕๗