วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การสั่งสมบารมี

พอความหลงมันเข้าครอบงำแล้ว

เราก็หลงไปหมดว่า

อันนั้นก็ของเรา  อันนี้ก็ของเรา

พอวันหนึ่งมันไม่เป็นของเรา

แต่เราดันไปยึดว่า  มันเป็นของเราอยู่

ก็ทำให้เสียอกเสียใจขึ้นมา

บางทีถึงขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับ

พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนว่า

ให้ทำทาน  คือบริจาคออกไป  สละออกไป

เป็นการฝึกอุปนิสัยเบื้องต้น

เป็นก้าวแรกของทางเดินเพื่อถึงที่สุดแห่งทุกข์

เพราะในที่สุดแล้ว

เราต้องสละหมด

ทิ้งหมดจึงจะเข้าถึงนิพพาน  คือที่สุดแห่งทุกข์ได้


ทานเป็นเบื้องต้นของบารมีธรรมทั้งปวง

ศีลเป็นท่ามกลาง

ภาวนาเป็นข้อสุดท้าย

แต่ในทางปฏิบัติจริงแล้ว

ทุกสิ่งก็ส่งเสริมกัน 

หนุนกันอยู่ในแอ่งแห่งทุกขนิโรธคามินีปฏิปทานั่นเอง

มหาบริจาค

ท่านว่ามีอยู่ห้าอย่าง

เป็นสิ่งที่สละได้ยาก

ทรัพย์สมบัติ ๑

ลูก ๑

เมีย ๑

อวัยวะ ๑

ชีวิต ๑

การบริจาคเหล่านี้ต้องทำให้เป็นอุปนิสัย

ฝึกสละละออกให้หมด

เป็นทานบารมี

มหาบริจาค ๕  นี้

เป็นทานบารมี  ทานอุปบารมี  และ  ทานปรมัตถบารมี

ตามลำดับ

จึงวิถีแห่งธรรม  วิถีแห่งการปฏิบัติธรรม

ย่อมต้องดำเนินสั่งสมอุปนิสัยพวกนี้

คือบารมีทั้งสิบ  มีทานบารมีเป็นเบื้องต้น

มีอุเบกขาบารมีเป็นที่สุด

จะเป็นปกติสาวกก็ต้องสั่งสม

เป็นมหาสาวกก็ต้องสั่งสม

เป็นอัครสาวกก็ต้องสั่งสม

เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าก็ต้องสั่งสม

เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ต้องสั่งสม

ต่างกันแต่ระยะเวลาเท่านั้น

ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับนิสัยวาสนา  ความปรารถนาของแต่ละคน

แต่ทุก ๆ  สัตว์  ทุก ๆ  ตัวตนในโลก  ต้องทำสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้น

ใครทำเสร็จเรียบร้อยก่อน  ครบเต็มบริบูรณ์ตามที่ตั้งใจไว้ก่อน

ก็ไปก่อน

กลับคืนสู่บ้านที่แท้  คือนิพพาน

ใครหนาหน่อย  ก็อยู่ไปนาน ๆ 

ทรมานกับกิเลสเครื่องล่อลวงรัดรึง

วนอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ไม่สิ้นสุดไปเรื่อย ๆ 

จนกว่าจะตระหนักนึกขึ้นมาได้นั่นแล




เอวังก็มีแต่เท่านี้


พุทธังกุโร

๒๖  มิถุนายน  ๒๕๕๗